สวัสดิการแรงงานเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ช่วยให้คุณภาพชีวิตของลูกจ้างรวมถึงครอบครัวดีขึ้นความเอื้ออาทรของนายจ้างโดยการจัดสวัสดิการแรงงานให้แก่ลูกจ้าง ย่อมทำให้ลูกจ้างมีความรัก ความผูกพันต่อนายจ้าง ทำให้ลูกจ้างเกิดขวัญและกำลังใจในการทำงานซึ่งทำให้ผลผลิตของลูกจ้างมีปริมาณสูงขึ้น และคุณภาพสูงขึ้นในขณะเดียวกันการจัดสวัสดิการแรงงานให้แก่ลูกจ้างยังช่วยเสริมสร้างสัมพันธภาพอันดีระหว่างนายจ้างและลูกจ้างช่วยลดปัญหาและข้อขัดแย้งในสถานประกอบกิจการทำให้การประกอบกิจการของนายจ้างดำเนินไปอย่างราบรื่น
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้ปฏิบัติภารกิจด้านสวัสดิการแรงงาน โดยการส่งเสริมให้มีการจัดสวัสดิการขึ้นในสถานประกอบกิจการ โดยเห็นว่าการที่ลูกจ้างได้รับสวัสดิการที่ดี นอกจากทำให้ลูกจ้าง เกิดขวัญและกำลังใจที่ดีแล้ว ยังส่งผลให้ลูกจ้างลดการขาดงาน ลางานและเปลี่ยนงานบ่อย ในที่สุดจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ การทำงานและผลิตภาพในการทำงาน ภายใต้กรอบภารกิจดังกล่าว สวัสดิการแรงงานได้ถูกจัดแบ่งออกเป็น2 ประเภท คือ
1. สวัสดิการแรงงานตามกฎหมาย
2. สวัสดิการแรงงานนอกเหนือกฎหมาย
(1) น้ำสะอาดสำหรับดื่มไม่น้อยกว่าหนึ่งที่ สำหรับลูกจ้างไม่เกินสี่สิบคน และเพิ่มขึ้นในอัตราส่วน หนึ่งที่สำหรับลูกจ้างทุกๆ สี่สิบคน เศษของสี่สิบคนถ้าเกินยี่สิบคนให้ถือเป็นสี่สิบคน
(2)ห้องน้ำและห้องส้วมตามแบบและจำนวนที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง และมีการดูแลรักษาความสะอาดให้อยู่ในสภาพที่ถูกสุขลักษณะเป็นประจำทุกวัน ให้นายจ้างจัดให้มีห้องน้ำและห้องส้วมแยกสำหรับลูกจ้างชายและลูกจ้างหญิง และในกรณีที่มีลูกจ้าง ที่เป็นคนพิการ
ให้นายจ้างจัดให้มีห้องน้ำและห้องส้วมสำหรับคนพิการแยกไว้โดยเฉพาะ
ข้อ 2 ในสถานที่ทำงานของลูกจ้าง
ให้นายจ้างจัดให้มีสิ่งจำเป็นในการปฐมพยาบาลและการรักษาพยาบาล
(1) สถานที่ทำงานที่มีลูกจ้างทำงานตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ต้องจัดให้มีเวชภัณฑ์และยาเพื่อใช้ ในการปฐมพยาบาลในจำนวนที่เพียงพอ
(2) สถานที่ทำงานที่มีลูกจ้างในขณะเดียวกันตั้งแต่สองร้อยคนขึ้นไป ต้องจัดให้มี
(ก) เวชภัณฑ์และยาเพื่อใช้ในการปฐมพยาบาลตาม (1)
(ข) ห้องรักษาพยาบาลพร้อมเตียงพักคนไข้อย่างน้อยหนึ่งเตียง เวชภัณฑ์และยานอกจาก ที่ระบุไว้ใน (1) ตามความจำเป็นและเพียงพอแก่การรักษาพยาบาลเบื้องต้น
(ค) พยาบาลตั้งแต่ระดับพยาบาลเทคนิคขึ้นไปไว้ประจำอย่างน้อยหนึ่งคนตลอดเวลาทำงาน
(ง) แพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งอย่างน้อยหนึ่งคน เพื่อตรวจรักษาพยาบาลไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละสองครั้ง และเมื่อรวมเวลาแล้วต้องไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละหกชั่วโมงในเวลาทำงาน
(3) สถานที่ทำงานที่มีลูกจ้างทำงานในขณะเดียวกันตั้งแต่หนึ่งพันคนขึ้นไป ต้องจัดให้มี
(ก) เวชภัณฑ์และยาเพื่อใช้ในการปฐมพยาบาลตาม (1)
(ข) ห้องรักษาพยาบาลพร้อมเตียงพักคนไข้อย่างน้อยสองเตียงเวชภัณฑ์และยานอกจากที่ระบุไว้ใน (1) ตามความจำเป็นและเพียงพอแก่การรักษาพยาบาลเบื้องต้น
(ค) พยาบาลตั้งแต่ระดับพยาบาลเทคนิคขึ้นไปไว้ประจำอย่างน้อยสองคนตลอดเวลาทำงาน
(ง) แพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งอย่างน้อยหนึ่งคน เพื่อตรวจรักษาพยาบาลไม่น้อยกว่า สัปดาห์ละสามครั้ง และเมื่อรวมเวลาแล้วต้องไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละสิบสองชั่วโมงในเวลาทำงาน
(จ) ยานพาหนะซึ่งพร้อมที่จะนำลูกจ้างส่งสถานพยาบาลเพื่อให้การรักษาพยาบาล ได้โดยพลัน
ข้อ 3 นายจ้างอาจทำความตกลง เพื่อส่งลูกจ้างเข้ารับการรักษาพยาบาลกับสถานพยาบาล ที่เปิดบริการตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงและเป็นสถานพยาบาลที่นายจ้างอาจนำลูกจ้างส่ง เข้ารับการรักษาพยาบาล ได้โดยความสะดวกและรวดเร็ว แทนการจัดให้มีแพทย์ตามข้อ 2 (2) หรือ ข้อ (3) ได้โดยต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย
การให้นายจ้างจัดสวัสดิการตามที่กฎกระทรวงดังกล่าวกำหนดถือเป็นภารกิจของกรมต้องมีการตรวจติดตามโดยเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพื้นที่นอกเหนือจากการดำเนินการดังกล่าว การส่งเสริมและสนับสนุนการจัดสวัสดิการนอกเหนือกฎหมาย ยังเป็นการที่ เจ้าหน้าที่จะต้องเข้าไปในสถานประกอบกิจการเพื่อแนะนำรูปแบบของสวัสดิการต่างๆที่กฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ แต่หากสถานประกอบกิจการใดมีความพร้อมเพียงพอก็สามารถจัดให้เป็นไปตามความต้องการของลูกจ้างได้
สวัสดิการแรงงานนอกเหนือกฎหมาย
1. สวัสดิการที่มุ่งพัฒนาลูกจ้าง เช่น
– การส่งเสริมการศึกษาทั้งในและนอกเวลาทำงาน
– การจัดตั้งโรงเรียนในโรงงาน
– จัดระบบฝึกอบรมความรู้เกี่ยวกับการทำงานทั้งในและนอกสถานที่ทำงาน
– การจัดให้มีห้องสมุด หรือมุมอ่านหนังสือ ฯลฯ เป็นต้น
2. สวัสดิการที่ช่วยเหลือในเรื่องค่าครองชีพ
– การจัดตั้งร้านค้าสวัสดิการหรือสหกรณ์ร้านค้า
– การให้เงินช่วยเหลือต่างๆ เช่น งานแต่งงาน งานอุปสมบท งานศพ
– การจัดชุดทำงาน
– การจัดหอพัก
– การจัดให้มีรถรับ-ส่ง
– เงินโบนัส ค่าครองชีพ เบี้ยขยัน ค่าเข้ากะ
3. สวัสดิการที่ช่วยเหลือการออมของลูกจ้าง เช่น
– สหกรณ์ออมทรัพย์
– กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
4. สวัสดิการที่พัฒนาสถาบันครอบครัวของลูกจ้าง เช่น
– การจัดสถานเลี้ยงดูบุตรของลูกจ้าง
– การช่วยค่ารักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัว
– การช่วยเหลือค่าเล่าเรียนบุตรของลูกจ้าง
– การประกันชีวิตให้กับลูกจ้าง
5. สวัสดิการที่ส่งเสริมความมั่นคงในอนาคต เช่น
– เงินบำเหน็จ
– เงินรางวัลทำงานนาน
– ให้ลูกจ้างซื้อหุ้นของบริษัท
– กองทุนฌาปนกิจ
– เงินกู้เพื่อสวัสดิการที่พักอาศัย
6. สวัสดิการนันทนาการ เช่น
– การจัดทัศนศึกษา
– การแข่งขันกีฬา
– การจัดงานเลี้ยงสังสรรค์พนักงาน
7. สวัสดิการด้านสุขภาพอนามัย
– การให้ความรู้เรื่องสุขภาพอนามัย
– การตรวจสุขภาพประจำปี
– การจัดสวัสดิการด้านสุขภาพแบบครบวงจร
บทความและหลักสูตรที่น่าสนใจ
- คปอ คืออะไร คปอ มีหน้าที่อะไรบ้างตามที่กฎหมายกำหนด
- กฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้
- หลักสูตร คณะกรรมการความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน
- อบรม จป หัวหน้างาน อบรม จป บริหาร อบรม คปอ ลด 40%
- ความปลอดภัยในการทำงานกับเครื่องจักร
- อบรมความปลอดภัย หลักสูตรความปลอดภัยในการทำงาน
- อบรม จป หัวหน้างาน บริหาร ออนไลน์
- คณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการคือใคร
- อบรม จป วิชาชีพ หลักสูตรอบรมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับ วิชาชีพ จปว.
- อบรม จป บริหาร ชลบุรี
- กฎหมายอบรมความปลอดภัยออนไลน์ (โควิด19)